ฟิลเลอร์

ปรึกษาปัญหาฟรี

ฟิลเลอร์คืออะไร ?

           ฟิลเลอร์ คือ สาร Hyaluronic Acid หรือ HA เป็นสารสกัดจากธรรมชาติ ที่ช่วยเติมเต็มใต้ชั้นผิวหนัง ช่วยเติมริ้วรอยล่องลึกตามจุดต่าง ๆ บนใบหน้า มีความปลอดภัยสูง ฟิลเลอร์เป็นสารที่เลียนแบบสารตามธรรมชาติ เมื่อฉีดฟิลเลอร์เข้าไปแล้วจะทำให้ใบหน้าเต่งตึงดูมีน้ำมีนวล ริ้วรอยร่องลึกดูตื้นขึ้นและนูนขึ้น และยังเป็นการเติมใยคอลลาเจนที่หายไปให้กลับมาดูอ่อนเยาว์ลงและดูอิ่มเอิบ

ฟิลเลอร์มีกี่ประเภท ?

  1. HA (HYALURONIC ACID) เป็นฟิลเลอร์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด สามารถย่อยสลายได้เอง ปลอดภัย เป็นฟิลเลอร์ที่นิยมใช้กันทั่วโลก สามารถฉีดเติมใหม่ได้เรื่อย ๆ
  2. Collagen จากสัตว์ ในปัจจุบัน Collagen จากสัตว์ไม่เป็นที่นิยม เนื่องจากสามารถแพ้ได้ง่าย
  3. Transplanted Fat (เติมไขมัน) เป็นการฉีดไขมันเข้าไปในผิว เหมาะกับคนที่ต้องการฉีดมาก ๆ ครั้งละ 10 – 20 ซีซีขึ้นไป
  4. Biosynthetic Polymers คือพวกซิลิโคนเหลว Calcium Hydroxylapatite, Polymethyl Methacrylate เป็นกลุ่มฟิลเลอร์ที่ไม่สลาย ไม่ปลอดภัย และไม่ผ่าน อ.ย.
กล่อง ฟิลเลอร์

ฟิลเลอร์ฉีดจุดไหนได้บ้าง ?

1. ฟิลเลอร์หน้าผาก

         เป็นการช่วยปรับรูปหน้าให้ได้สัดส่วนมากยิ่งขึ้น เสริมโหงวเฮ้ง เหมาะสำหรับคนที่ไม่อยากผ่าตัดเสริมหน้าผาก แต่อาจต้องใช้ปริมาณฟิลเลอร์หลายซีซีในการฉีดหน้าผาก จริง ๆ แล้วฟิลเลอร์หน้าผากถือเป็นจุดที่อันตรายมากหากฉีดโดยแพทย์ที่ไม่เชี่ยวชาญ เนื่องจากเป็นบริเวณที่มีเส้นเลือดที่เชื่อมไปยังลูกตาได้โดยตรง และการฉีดต้องใช้ปริมาณฟิลเลอร์ค่อนข้างเยอะ ดังนั้นจึงสำคัญมากที่การฉีดฟิลเลอร์หน้าผากจะต้องฉีดโดยแพทย์ผู้ชำนาญการเท่านั้นจึงจะมีความปลอดภัย 100%

       การฉีดฟิลเลอร์หน้าผากที่ถูกต้องจะต้องฉีดลงในชั้นเยื่อหุ้มกระดูกเท่านั้น จึงจะได้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติและคงตัว การฉีดฟิลเลอร์หน้าผากมีข้อดีคือเจ็บน้อยกว่าผ่าตัด และใช้เวลาพักฟื้นไม่เกิน 7 – 14 วัน สามารถปรับความโหนกนูนได้ตามความชอบและความต้องการ หากใช้ฟิลเลอร์แท้จะอยู่ได้นาน 1 – 2 ปี โดยหลังฉีดฟิลเลอร์หน้าผากจะมีอาการบวมเป็นปกติ และจะหายไปเองในเวลา 3 – 7 วัน และจะเข้าที่เห็นผลชัดเจนใน 1 – 2 สัปดาห์ โดยปริมาณการใช้ฟิลเลอร์สำหรับการฉีดฟิลเลอร์หน้าผากคืออาจอยู่ตั้งแต่ช่วง 3 – 7 ซีซี

Re-Shape Facial Filler

2. ฟิลเลอร์ขมับ

          ถือว่าเป็นจุดสำคัญในการปรับรูปหน้าให้ได้สัดส่วนเข้ารูปมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังช่วยเสริมโหงวเฮ้งในเรื่องการขายและธุรกิจต่าง ๆ เพราะเชื่อว่าจะทำให้รับทรัพย์มากยิ่งขึ้น การฉีดฟิลเลอร์ขมับช่วยทำให้หน้าอ่อนเยาว์ลง และช่วยทำให้โหนกแก้มดูเล็กลง 

         เมื่อเติมฟิลเลอร์เข้าไปก็จะช่วยเรื่องโครงสร้างของผิว รวมถึงเนื้อเยื่อโดยรอบเต่งตึงมากขึ้น ผิวกระชับ ใบหน้าดูมีมิติมากยิ่งขึ้น

       โดยทั่วไปแล้วการฉีดฟิลเลอร์ขมับจะใช้ข้างละ 1 – 2 ซีซี หลังฉีดฟิลเลอร์ขมับอาจรู้สึกตึง ๆ บริเวณศีรษะ อาจมีอาการปวดศีรษะ ปวดกราม ตึงหน้า ในช่วง 1 – 2 วันแรก การฉีดฟิลเลอร์ขมับนั้นสามารถกลับไปพักฟื้นที่บ้านได้ สามารถทำความสะอาดใบหน้าและทาครีมได้ปกติ หลีกเลี่ยงการนวดบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ประมาณ 2 สัปดาห์

3. ฟิลเลอร์แก้มส้ม

           การเติมฟิลเลอร์แก้มส้มจะทำให้ใบหน้าอิ่มเอิบมากขึ้น ดูมีชีวิตชีวา เวลายิ้มแก้มส้มจะทำให้หน้าดูเด็กลง ผิวหนังไม่หย่อนคล้อย ทำได้โดยการฉีดฟิลเลอร์เข้าไปในบริเวณแก้มในจุดกระดูกด้านบน ทำ inverted triangular ที่บริเวณแก้มส้ม เพื่อยกผิวหนังชั้น smas ขึ้น ส่งผลทำให้แก้มยกขึ้น การทำฟิลเลอร์แก้มส้มเหมาะสำหรับคนที่มีปัญหาหน้าแบนราบ แก้มแบนเมื่อมองจากด้านข้าง แก้มยุบ ไม่มีมิติ เหมาะกับคนที่ต้องการปรับสัดส่วนบนใบหน้าให้สวย ดูมีมิติ 

          โดยปกติแล้วการเติมฟิลเลอร์แก้มส้มจะอยู่ได้นานประมาณ 1 – 2 ปี หลังฉีดฟิลเลอร์แก้มส้มควรงดจับแรง ๆ งดนวด คลึง และเท้าแก้มประมาณ 2 สัปดาห์ งดการออกกำลังกายหนัก ๆ ควรดื่มน้ำเยอะ ๆ อย่างน้อย 8 แก้วขึ้นไปต่อวัน และหากมีอาการบวมหรือช้ำสามารถประคบเย็นได้

4. ฟิลเลอร์ใต้ตา

           ฟิลเลอร์ใต้ตาเหมาะสำหรับใครที่มีใต้ตาลึกโบ๋ ใต้ตาคล้ำ การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาจะช่วยทำให้ใบหน้าสดใสขึ้น หน้าไม่โทรม ใต้ตาไม่เป็นหมีแพนด้า ทั้งยังแก้เรื่องริ้วรอยใต้ตา แก้ปัญหาถุุงใต้ตา และช่วยให้ใต้ตาที่หย่อนคล้อยกลับมาเต่งตึงอีกครั้งหนึ่ง

          ข้อดี ของการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา คือสามารถเห็นผลทันทีหลังฉีด ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น เห็นผลชัดเจนใน 1 – 2 สัปดาห์ เมื่อเวลาผ่านไปเองฟิลเลอร์จะสลายไปตามธรรมชาติ และถ้าไม่พอใจกับผลลัพธ์ก็สามารถฉีดสลายฟิลเลอร์ได้ แต่สิ่งที่ต้องระวังคือ จะต้องฉีดฟิลเลอร์ใต้ตากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น และต้องเป็นฟิลเลอร์ของแท้เท่านั้น หากฉีดฟิลเลอร์ปลอมหรือฉีดที่คลินิกที่ไม่ได้มาตรฐานอาจส่งผลทำให้ตาบอดหรือเนื้อตายได้

5. ฟิลเลอร์ร่องแก้ม

        การที่มีร่องแก้มลึกนั้นจะทำให้หน้าดูแก่กว่าวัย ฉะนั้นการฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มจึงเป็นการช่วยทำให้ร่องแก้มตื้นขึ้น หน้าดูเด็กลงอย่างเห็นได้ชัด ผู้ที่เหมาะจะฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม คือผู้ที่มีปัญหาร่องแก้มลึกจากอายุที่เพิ่มขึ้น ผู้ที่ขาดความมั่นใจเพราะปัญหาร่องแก้มลึก ผู้ที่อยากทำให้ใบหน้าเด็กลง และผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ทันที แต่ฟิลเลอร์ร่องแก้มเองนั้น ก็มีข้อระวังกับคนบางกลุ่ม อาทิเช่น หญิงตั้งครรภ์ กรณีให้นมบุตรควรปรึกษาสูติแพทย์ก่อน คนที่มีภาวะอักเสบหรือติดเชื้อบริเวณที่จะฉีด คนที่เคยมีประวัติแพ้ฟิลเลอร์มาก่อน คนที่มีประวัติแพ้ยาชา และคนที่มีภาวะเลือดไหลไม่หยุด เป็นต้น

        วิธีการฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม คือแพทย์จะฉีดเติมฟิลเลอร์ไปที่ร่องแก้มซึ่งจะต้องเติมลงไปในชั้นกระดูกใต้กล้ามเนื้อ และต้องฉีดในจุดที่ต่ำกว่าร่องแก้มเล็กน้อย ไม่ใช่ฉีดที่ร่องแก้มโดยตรงเพื่อป้องกันการดึงของกล้ามเนื้อที่ใช้ยิ้ม โดยปกติแล้วฟิลเลอร์ร่องแก้มอาจใช้ประมาณข้างละ 1 – 2 CC แต่สำหรับคนที่มีปัญหาร่องแก้มลึกมาก ๆ ก็อาจใช้ประมาณ 3 – 4 CC หลังฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม ผลลัพธ์สามารถอยู่ได้นานประมาณ 1 – 2 ปี

filler คาง

6. ฟิลเลอร์คาง

          ฟิลเลอร์คางเหมาะสำหรับคนที่คางสั้น คางตัด แล้วอยากหน้าเรียววี แต่ไม่อยากผ่าตัด ฟิลเลอร์คางจึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจสำหรับคนที่ต้องการปรับรูปหน้า ข้อดีของการฉีดฟิลเลอร์คางคือไม่ต้องพักฟื้น เห็นผลรวดเร็ว ไม่มีความเสี่ยงจากการวางยาสลบ ปรับแก้ไขได้ง่าย สลายออกเองได้ แต่ไม่ถาวร ฉีดแล้วไม่สามารถทำให้คางยาวเกินกว่า 1 เซนติเมตร

         สิ่งสำคัญที่สุดในการฉีดฟิลเลอร์คางคือเรื่องของความปลอดภัย จะต้องมั่นใจว่าฟิลเลอร์ที่ฉีดนั้นเป็นของแท้ ฉีดกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น ต้องใช้เทคนิคที่ถูกต้องในการฉีดฟิลเลอร์คาง เนื่องจากบริเวณคางนั้นจะมีกล้ามเนื้อที่ชื่อ Mentalis ซึ่งเป็นจุดที่ต้องระวัง ถ้าฉีดไปโดนกล้ามเนื้อนี้ จะทำให้กล้ามเนื้อดึงฟิลเลอร์ให้มากองรวมกัน ทำให้คางเสียรูป เป็นก้อน ไม่ธรรมชาติ หลังฉีดฟิลเลอร์คางควรหลีกเลี่ยงการเอามือเท้าคาง หรือนวดคลึงบริเวณนั้น ควรดื่มน้ำเยอะ ๆ เพื่อให้ผลลัพธ์หลังการฉีดฟิลเลอร์คงนานที่สุด

7. ฟิลเลอร์ปาก

          การฉีดฟิลเลอร์ปาก เหมาะสำหรับคนที่มีปัญหามุมปากตก ลักษณะรุปปากไม่ได้สัดส่วน เช่น ริมฝีปากบางเกินไป ริมฝีปากไม่เท่ากัน ปากเบี้ยว เป็นต้น ฉะนั้นการฉีดฟิลเลอร์ปากจึงสามารถช่วยเติมเต็มร่องปากได้ ยกมุมปากขึ้นให้เป็นทรงสวย สามารถปรับริมฝีปากที่บางเกินไปให้ดูอวบอิ่มขึ้น ช่วยให้ปากดูเซ็กซี่ ได้รูปสวยชัดเจน

         การฉีดฟิลเลอร์ปากแพทย์จะใช้เวลาฉีดประมาณ 15 – 30 นาที โดยแพทย์จะให้ยาชาบริเวณริมฝีปากก่อนการฉีดฟิลเลอร์ปาก ขณะฉีดอาจรู้สึกเจ็บเพียงเล็กน้อย หรือในบางรายอาจจะมีอาการคันร่วมด้วย ซึ่งขึ้นอยู่กับจำนวนเข็มที่ฉีด และความหนาของรูปปากที่ต้องการ หลังฉีดฟิลเลอร์ปากแล้วสามารถกลับบ้านได้ตามปกติ อาจพบรอยเข็มเป็นจุดเล็ก ๆ แดง ๆ รอบริมฝีปาก ขึ้นอยู่กับจำนวนเข็มที่ฉีด อาจมีรอยช้ำหรือบวมได้ แต่อาการเหล่านี้จะหายไปเองภายใน 1 – 2 สัปดาห์ หลังฉีดฟิลเลอร์ปากควรงดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เครื่องดื่มร้อน เพราะอาจทำให้ปากมีอาการบวมอักเสบขึ้นได้ แนะนำให้ดื่มน้ำเยอะ ๆ วันละ 8 – 16 แก้ว ที่สำคัญคือไม่ควรดึงหนังหรือลอกริมฝีปาก

ฟิลเลอร์ ใต้ตา

ข้อควรระวังก่อนฉีดฟิลเลอร์

  1. ระวังฟิลเลอร์ปลอม หรือซิลิโคนเหลว
  2. ห้ามฉีดฟิลเลอร์กับบุคคลที่ไม่ใช่แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
  3. ต้องเลือกฉีดฟิลเลอร์ในคลินิกที่ได้มาตรฐานเท่านั้น

การเตรียมตัวก่อนฉีดฟิลเลอร์

  • งดการแว็กซ์หรือการผลัดเซลล์ผิว การดึงขนหรือการโกนในบริเวณนั้น ๆ 3 วันก่อนฉีดฟิลเลอร์
  • งดทายาชนิดผลัดเซลล์ผิว อาทิเช่น Tretinoin (Retin-A), Retinols, Retinoids, Glycolic Acid, หรือครีมในกลุ่ม Anti-Aging ทุกชนิด 3 วันก่อนฉีดฟิลเลอร์
  • งดวิตามิน St John Wort, Ginko Biloba, Primrose Oil, Garlic, Ginseng, and Vitamin E
  • งดยา Aspirin, NSAIDs เช่น Ibuprofen Diclofenac Ponstan เป็นเวลา 1 อาทิตย์ก่อนทำ
  • งดดื่มแอลกอฮอล์หรือทำกิจกรรมที่ทำให้เลือดสูบฉีด 24 ชม. ก่อนทำ

อาการข้างเคียงหลังฉีดฟิลเลอร์

จะมีอาการบวมเข็ม ซึ่งเป็นอาการปกติ อาการบวมจะค่อย ๆ หายไปภายใน 1 – 2 สัปดาห์ และจะมีรอยเข็มเล็ก ๆ ในจุดที่ฉีด แต่จะหายไปเองใน 2 – 3 วัน

การดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์

  1. ไม่ควรออกกำลังกายที่ทำให้เหงื่อออกมากเกินไปหรือไปตากแดดร้อน ๆ ภายใน 48 ชั่วโมงแรก
  2. ไม่ควรจับ ลูกคลำ ปั้น นวดหรือคลึง บริเวณที่ฉีด
  3. หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์หรือสูบบุหรี่ หากฉีดฟิลเลอร์ปากให้งดดูดน้ำจากหลอดดูด และการจูบ
  4. ดื่มน้ำให้มาก ๆ และสม่ำเสมอ ควรดื่มน้ำให้ได้วันละประมาณ 8 – 10 แก้ว
  5. หลีกเลี่ยงการสัมผัสน้ำอุ่น หรือน้ำร้อนในบริเวณที่ฉีด งดเข้าอบไอน้ำ อบซาวน่า ช่วง 2 สัปดาห์แรก หลังจากนั้นสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ
  6. สามารถทำ Treatment ได้ตามปกติหลัง 2 สัปดาห์

วิธีการดูฟิลเลอร์แท้ ฟิลเลอร์ปลอม

ให้สังเกตุจากเลขทะเบียน อย. เอกสารกำกับภาษาไทย เลข Lot ที่กล่อง, เลข Lot ที่ซอง, เลข Lot ที่สติ๊กเกอร์, เลข Lot ที่หลอด

ยี่ห้อฟิลเลอร์

ฟิลเลอร์ Restylane (สวีเดน)

  • Restylane Vital Light
  • Restylane Perlane Lyft
  • Restylane Volyme
  • Restylane Defyne
  • Restylane Refyme
  • Restylane Classic

ฟิลเลอร์ Juvederm (อเมริกา)

  • Juvederm Ultra Plus
  • Juvederm Volift
  • Juvederm Volite
  • Juvederm Volbella
  • Juvederm Voluma

ฟิลเลอร์ Neuramis (เกาหลี)

  • Neuramis Deep (เป็นรุ่นเดียวที่ได้รับอ.ย.ไทย)

การฉีดสลายฟิลเลอร์คืออะไร ?

         เนื่องจากบางคนหลังฉีดฟิลเลอร์มาแล้ว ฟิลเลอร์จับตัวเป็นก้อน ไม่สวย หรืออาจไม่พอใจในรุปทรง สามารถฉีดสลายฟิลเลอร์ได้ โดยสารที่ฉีดเข้าไปสลายฟิลเลอร์เรียกว่า ไฮยาลูโรนิเดส (Hyaluronidase: HYAL)

ผลลัพธ์หลังฉีดฟิลเลอร์

        หลังฉีดฟิลเลอร์จะสามารถเห็นผลได้ทันที และฟิลเลอร์ที่ได้มาตรฐานจะอยู่ได้นาน 12 – 18 เดือน แล้วแต่รุ่นของฟิลเลอร์ สิ่งที่ต้องระวังคือพวกฟิลเลอร์ปลอม เช่น ซิลิโคนเหลว หรือพาราฟิน ที่ไม่สามารถสลายไปเองได้

© Diva Clinic All rights reserved Copyrights 2021